สนาม: เครือข่ายคนโหน่ง
บทนำ: ท่ามกลางบรรยากาศที่หนักไปทางตื้อๆ มึนๆ คับปาก คับใจ อยู่ตามสมควรอย่างน้อยก็ยังพอได้มีข่าวคราวที่ทำให้หัวจิต หัวใจ แช่มชื่นขึ้นมามั่ง แม้แต่เพียงนิดๆ ก็ยังดี ข่าวแรกก็คือข่าวที่ศาลปกครองสูงสุด ท่านตัดสินวินิจฉัยชี้ขาด ให้ สตชหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้กับบรรดาผู้เข้าร่วมการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว จำนวนประมาณ 250 ราย รายละตั้งแต่ 7,120 บาท ไปจนถึง 4,152,771 บาท ตามลำดับ พร้อมคำนวณดอกเบี้ยบวกรวมเข้าไปด้วย ----------------------------------------------- คือไอ้ช่วงที่ยิงกันอุตลุด สนั่นหวั่นไหว ใช้แก๊สน้ำตามีอายุ หมดอายุ หรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ ส่องทั้งในแนวราบ แนวโค้ง ชนิดผู้เข้าร่วมประท้วงบางรายถึงกับแขนขาด ขาขาด เอาเลยก็ยังมี อันนั้นนั่นแหละที่ศาลท่านกรุณาหยิบมาตั้งข้อสังเกตว่าเป็นสิ่งที่สมควร ไม่สมควรแก่เหตุ หรือไม่ เพียงใด ขณะที่บรรดาเราๆ-ทั่นๆ ที่ได้นั่งน้ำตาซึม น้ำตาไหล ขณะเห็นภาพเหตุการณ์ปรากฏอยู่ในจอทีวี และได้แต่เก็บงำความรู้สึกต่างๆ เอาไว้มาตั้ง 10 ปีที่แล้ว แต่ 10 ปีสำหรับลูกผู้ชาย หรือลูกผู้หญิงก็แล้วแต่ ก็ยังไม่ถึงกับ สายเกินไป อย่างน้อยการที่ศาลปกครองสูงสุดท่านยังมองเห็น คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ ที่จะต้องให้การชดใช้ ต้องตีราคาเป็นมูลค่าความเสียหาย ไม่ว่าจะกี่บาท ต่อกี่บาท แต่เพียงแค่เห็นว่ามันเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ราคา ขึ้นมาบ้างแล้ว แค่นี้ก็ ปลื้มไม่เสร็จ ------------------------------------------------- เพราะอย่างน้อยก็น่าจะทำให้ไอ้พวกที่ชอบยิง ชอบใส่ กันอุตลุด ไม่ได้มองถึงความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และยิ่งไม่ได้มองถึง เงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันทำให้มนุษย์ที่อยู่ในแผ่นดินเดียวกัน บ้านเมืองเดียวกัน ต้องออกมาทนทุกข์ ทรมาน กินนอนอยู่กลางถนน ทั้งๆ ที่แต่ละรายมีบ้าน มีช่อง มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายไปด้วยกันทั้งนั้น พอได้ตระหนัก สำนึก ขึ้นมามั่ง ว่านี่คนนะเว้ยไม่ใช่แมวที่ไหน!!! ก่อนจะรับคำสั่ง ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือทำอะไรที่ล่วงเลยไปจากคำสั่ง เพื่อให้ เข้าตากรรมการ หรือเข้าตาผู้มีอำนาจในช่วง ณ ขณะนั้นให้มากๆ เข้าไว้ อย่างน้อยก็น่าจะหยิบเอาเรื่องความเป็นมนุษย์หรือคุณค่าแห่งเป็นความเป็นมนุษย์ มาคิดๆ เอาไว้มั่ง ---------------------------------------------------- อีกข่าวหนึ่งที่น่าสนใจและน่าปลื้มใจเอามากๆ ก็คือข่าวที่กลุ่มผู้เรียกตัวเองว่า ยุติธรรมภิวัฒน์ นำโดย พี่ประทิน หรือพลตำรวจเอก ประทิน สันติประภพ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่พร้อม ปฏิรูปตัวเอง มาโดยตลอด ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาปฏิรูป พร้อมกับ พี่เหี้ยม หรือที่ใครต่อใครที่เหี้ยมๆ ต่างเรียกพี่ไปด้วยกันทั้งนั้น พลเอก ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และคณะอีกหลายต่อหลายราย ได้ตัดสินใจยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ช่วยพิจารณาว่าการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อเรียกร้องความถูกต้อง เป็นธรรม ของบรรดากลุ่มผู้ชุมนุมเท่าที่ผ่านมาในอดีต ไม่ว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย องค์กรพิทักษ์สยาม ไปจนถึงกลุ่ม กปปสนั้น ถือเป็นการต่อสู้ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา 27 และมาตรา 216 ของรัฐธรรมนูญปีพุทธศักราช 2550 หรือไม่ อย่างไร ------------------------------------------------------ คือถ้าหากทุกสิ่งทุกอย่างมันยังอยู่ภายใต้กรอบ ภายใต้การกำหนดบทบาทในเรื่อง สิทธิ เสรีภาพของปวงชน ตามแนวทางของรัฐธรรมนูญที่ว่า ก็จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลางัดเอาข้อหาประเภทร้ายๆ น่าเกลียด น่ากลัว ประเภทกบฏ ก่อการร้าย หรือกระทั่งเห็นเป็นซ่องโจรเป็นโน่น ฯลฯ มาใช้เป็นเครื่องมือในการไล่ล่า บดขยี้ บรรดาผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหา หรือผู้ถูกกล่าวหา ทั้งหลาย อย่างที่ อัยการ ท่านกำลังกระทำการในลักษณะไม่ต่างไปจากตำรวจที่ตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตาใส่ใครต่อใคร โดยไม่ต้องสนใจว่าแก๊สน้ำตาจะหมดอายุ-ไม่หมดอายุ จะยิงแนวโค้ง หรือยิงแนวราบก็ย่อมได้ ขอเพียงแต่ให้ปฏิบัติตามคำสั่งตามตัวอักษรแต่ละวรรคแต่ละประโยคในตัวบทกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องสนใจถึง เจตนารมณ์ ใดๆ เอาเลยก็ย่อมได้ อันนี้นี่แหละที่เลยต้องไปลากเอารัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมายแม่ ที่ถือเป็นตัวบ่งชี้ เจตนารมณ์ สอดแทรกและควบคุม เอาไว้ใน กฎหมายลูก แต่ละฉบับ ----------------------------------------------------- ไม่งั้นถ้าหากไม่คิดจะมอง เจตนารมณ์ ใดๆ เอาไว้เลย บรรดาผู้ที่ถูกคุณธรรม ศีลธรรม วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมอันดีของสังคม หล่อหลอมให้ต้องกลายสภาพมาเป็นวีรบุรุษ วีรชน วีรสตรีทั้งหลายในแต่ละยุค แต่ละสมัย คงต้องกลายเป็น กบฏ เป็นผู้ก่อการร้าย เป็นซ่องโจร หรือกระทั่งกลายเป็น บุคคลล้มละลาย กันไปเป็นแถบๆ อย่างที่กำลังเป็นอยู่ในทุกวันนี้ เพราะแม้ว่า กฎหมายแม่ อย่างกฎหมายรัฐธรรมนูญจะพยายามเปิดช่องเอาไว้ให้ เพื่อหวังจะให้ ภาพรวม ของสังคม เป็นไปในทางที่ดี แต่ถ้าหากอัยการและตำรวจ ท่านไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เอาเลยแม้แต่น้อย กะจะเอากันแค่ตัวอักษรในแต่ละวรรคแต่ละประโยคของ กฎหมายลูก มาไล่บด ไล่บี้ ไล่ยิงแก๊สน้ำตาใส่ใครต่อใคร อนาคตประเทศนี้ก็คงไม่หลงเหลือ วีรบุรุษ วีรสตรี วีรชนใดๆ อีกต่อไป กลายเป็น ซ่องโจร กันไปทั้งประเทศเอาเลยก็ไม่แน่!!! --------------------------------------------------------- ความคิดริเริ่ม หรือความพยายามของกลุ่ม ยุติธรรมภิวัฒน์ ที่จะยื่นเรื่องราวเหล่านี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ จึงไม่ใช่เป็นแค่ความพยายามช่วยเหลือ เยียวยา พรรคพวกเพื่อนฝูงแต่อย่างใด แต่อาจถือเป็นความพยายามที่จะ เปลี่ยนมุมมอง ของสังคมทั้งสังคม ให้หันมามองอะไรต่อมิอะไรกันที่ เจตนา เป็นหลัก เจตนาที่รวมเอาคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ คุณค่าแห่งความเป็นสังคมที่ดี ที่ต้องมีคุณธรรม ศีลธรรม เป็นองค์ประกอบรวมเอาไว้ด้วย เพื่อไม่ให้สิ่งที่เรียกว่า ความยุติธรรม ทั้งหลาย กลายเป็นความยุติธรรมแบบ เวนิส-วาณิช หรือแบบ ยิวไชล็อค ที่กะจะเชือดเนื้อ เถือหนัง ใครต่อใครตามตัวบทกฎหมายให้จงได้!!! ----------------------------------------------------------- ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จากพระราชนิพนธ์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 เรื่อง เวนิส-วานิช ฉะนั้นยิวแม้อ้างยุติธรรม-จงกำหนดจดจำไว้ด้วยว่า-ภายใต้กระแสยุติธรรมา-ยากจะหาความสุขเกษมเปรมใจ ----------------------------------------------------------...
สนาม: จีนทิเบต
บทนำ: เริ่ม เดือนแห่งความรัก กันแล้วก็ต้องปูพรมด้วย เรื่องเบาๆ ว่าด้วย คอนเสิร์ต ต่างประเทศ จากฟากฝั่งเมืองผู้ดีและดินแดนแฮมเบอร์เกอร์ที่พาเหรดมา เมืองไทย ยุค 40 กันขวักไขว่ โดย แค่ มกราคม เดือนเดียวก็มีทั้ง Imagine Dragons เลียม กัลลาเกอร์ Foster The People และ The XX และยังมีคิวที่จะมาอีกทั้ง Incubus จอห์น เลเจนด์ แม้แต่ตัวแม่อย่าง เคธี เพอร์รี หรือวงร็อกจากไอริชอย่าง The Script และเจ้าของรางวัลแกรมมี่หมาดๆ อย่าง บรูโน มาร์ส ก็คอนเฟิร์มมาแล้ว ซึ่ง ราคาบัตรก็มีตั้งแต่ระดับพันกลางๆ ไปถึงหลักหมื่นกันเลยทีเดียว เรียกว่าต้องขายตับ-ไตกันไม่รู้กี่รอบถึงจะไปครบคอนเสิร์ต ทั้งหลายแหล่นี้๐ หันกลับมาสู่วังวน โลกเครียด กันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของ หวยอลเวง 30 ล้านบาท ที่เมื่อวันที่ 19 มค สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมาแถลงผล พิสูจน์ลายนิ้วมือแล้วว่ามีแต่ของ รตทจรูญ วิมูล อดีตนายตำรวจ ซึ่งใครต่อใครคงคิดว่าน่าจะลงเอยหรือมีบทสรุปไปกว่า 80% แต่แล้วเมื่อวันพุธสิ้นเดือน มค พลตทกิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบชภ7) ก็ตั้งโต๊ะแถลงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ที่สำคัญมีการ พลิกกลับ 360 องศากันเลย เพราะระบุว่าสลากเป็นของ ครูปรีชา ใคร่ครวญ และเตรียมแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์หรือรับของโจรกับ ลุงจรูญ ๐ งานนี้ไม่รู้ว่าเป็นการเดิมพันหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กับพยานบุคคลหรือไม่อย่างไร แต่ที่แน่ๆ เรื่องนี้อาจ สะเทือนไปถึงการทำหน้าที่ของ ทนาย และ ตำรวจ กันเลยทีเดียว ซึ่ง ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ก็ ประกาศความเชื่อมั่นไม่ต่างจากตำรวจเช่นกัน เรียกว่าสุดท้าย หวย 30 ล้าน คงต้องไปจบที่ศาลชี้ขาด ซึ่งไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรก็น่าจะมีการเช็กบิลกันระเบิดระเบ้อแน่๐ พูดถึงเรื่องครูหวยแล้ว ไม่พูดเรื่องครูฉาวก็ไม่ได้ ซึ่งดูเหมือนช่วงนี้ทั้ง พ่อพิมพ์-แม่พิมพ์ พร้อมใจกันสร้างเรื่องไม่น่าจดจำเสียนี่กระไร โดยเฉพาะเรื่อง คาวโลกีย์ แต่ดูเหมือนตั้งแต่เกิดเรื่องคาวเรื่องฉาวมา กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้บังเหียนของ นพธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ในฐานะคุมนโยบายการศึกษาของประเทศ กลับไม่มีการเทกแอคชั่นแต่ประการใดเลย เรียกว่าปล่อยไปตามมีตามเกิดซะอย่างนั้น๐ ในที่สุด พลอประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เริ่มทนเสียงเรียกร้องและกดดันของทุกภาคส่วนว่าด้วย แหวนเพชรแยงตา นาฬิกายืมเพื่อน เพราะถึงกับลั่น ในระหว่างงานเลี้ยงสานสัมพันธ์ กหกับสื่อมวลชนว่า ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ก็พร้อมไปจากตำแหน่ง ถือเป็น ประกาศท่าทีเยี่ยง ชายชาติทหาร ครั้งแรกเลยทีเดียว เล่นเอามีกระแสข่าวเกิดขึ้นตามมาทันทีว่า เก้าอี้ของ บิ๊กป้อม อาจส้มหล่นตกไปยัง รมชกลาโหม ที่ บิ๊กช้าง พลอชัยชาญ ช้างมงคล นั่งอยู่ก็เป็นได้ งานนี้คงไม่ลุ้นกันยาวนัก๐ ส่วนเรื่องนี้ยังหนังยาวคือ เรื่องการหย่อนบัตรของคนไทยทั้งประเทศ เพราะแค่เรื่องกฎหมายลูกว่าด้วย สส และ สว ซึ่งแม้สภาฝักถั่วจะถูลู่ถูกังผ่านกันมาแบบวันละฉบับ แต่ก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะ ล่าสุด ขาปูดข่าว อย่าง สมชัย ศรีสุทธิยากร กกตที่นับถอยหลังเป็นแค่อดีตก็ออกมาแฉว่ามี สนช โทรมาล็อบบี้ ให้ตั้ง กมธร่วมแก้กฎหมาย สส โดยหวังจะลบเรื่องการให้จัด มหรสพ หาเสียงได้๐ แฉโพยออกมาอย่างนี้ก็เล่นเอา วิป สนช อย่าง สมชาย แสวงการ ต้องรีบมาปัดสวะให้พ้นสภาฝักถั่วกันเลยทีเดียว แต่ก็ใช่ว่ากระแสจะหมดไป เพราะล่าสุดขาเมาธ์ว่าด้วยทฤษฎีสมคบคิดกระซิบมาว่า ตอนนี้มีกระแส (เก่า) ที่ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ขึ้นมาอีก นั่นคือการล้มกฎหมายลูกฉบับใดฉบับหนึ่ง หรือทั้ง 2 ฉบับ เพราะจะทำให้การเลือกตั้งที่ต้องเลื่อนอยู่แล้วมติ สนชที่แก้ไขให้กฎหมายบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน ยาวออกไปอีกถึง 6-8 เดือนเลยทีเดียว๐ พิโธ่! วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ บอกว่ายังมีเวลา 10 ปีในการอายัดทรัพย์ นารีปู เหมือนส่งสัญญาณว่าไม่ต้องรีบร้อน พระเจ้าจอร์จ แล้วที คดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ทำให้ตัวเป้งหลุดไป มิใช่เพราะคิดว่ามีเวลามันเหลือเป็น 10-15 ปีหรอกเหรอ ยังไม่รวมถึงคดีเลี่ยงภาษีของสัมภเวสีหลายกรรมหลายวาระก็หลุดไป เพราะขาดอายุความทั้งนั้น อย่างนี้มันจะเรียกว่า 2 มาตรฐานได้หรือไม่ เพราะที คดีเงินระดับหมื่นระดับแสนเห็นไล่เบี้ยไล่ยึดกันเหลือเกิน แต่พอเป็นคนใหญ่คนโตยึดทรัพย์กันระดับพันหมื่นล้านกลับชี้ช่องมามีเวลาอีก 10 ปี แหม! ทั้งคุกและมาตรฐานการทำงานนี่เลือกว่าเป็นใครจริงๆ๐
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-04-17